แปดทีมที่เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศใน EURO 2024 ได้รับการยืนยันแล้ว โดยหนึ่งในการแข่งขันที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ ฝรั่งเศส พบ โปรตุเกส
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่แชมป์ฟุตบอลโลก 2018 และแชมป์ EURO 2016 ต้องมาตกรอบกันตั้งแต่รอบก่อนรองชนะเลิศ สองทีมนี้มีประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกันมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบชิงชนะเลิศที่โปรตุเกสเอาชนะฝรั่งเศสเมื่อ 8 ปีที่แล้ว จนถึงขณะนี้ ทั้งสองทีมยังไม่แสดงฟอร์มที่น่าประทับใจ
ฝรั่งเศสเริ่มต้นรอบแบ่งกลุ่มด้วยชัยชนะที่โชคดีเหนือออสเตรีย แต่สองเกมที่เสมอกับเนเธอร์แลนด์และโปแลนด์ ทำให้พวกเขาจบอันดับสองในกลุ่มดี และต้องเผชิญกับเส้นทางที่ยากลำบาก อย่างไรก็ตาม ทีม Les Bleus กำลังมีพัฒนาการที่ดีขึ้นและเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกทีมต้องกังวล
ทีมของโค้ช Didier Deschamps ทำผลงานได้ดีที่สุดใน EURO 2024 ด้วยการชนะเบลเยียมในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แม้ว่าจะได้ประตูชัยจากการทำเข้าประตูตัวเองของกองหลัง Jan Vertonghen แต่สไตล์การเล่นของ Kylian Mbappe และเพื่อนร่วมทีมก็เริ่มเป็นระบบมากขึ้น
Les Bleus ควบคุมเกมในแดนกลางได้ดีจนสามารถกดดันเบลเยียม ซึ่งมีนักเตะดาวเด่นหลายคนได้ สถิติหลังเกมแสดงให้เห็นว่าฝรั่งเศสมีการครองบอลสูงถึง 56% และยิงไปถึง 19 ครั้ง เทียบกับ 5 ครั้งของเบลเยียม ซึ่งเป็นปัญหาที่โค้ช Roberto Martinez ของเบลเยียมต้องหาทางแก้ไข
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลักของฝรั่งเศสคือการขาดมิดฟิลด์ที่สามารถสร้างสรรค์เกมได้ ในขณะที่ Antoine Griezmann ทำได้ดีในบทบาทนี้ในฟุตบอลโลก 2022 แต่ใน EURO 2024 ฟอร์มของเขากลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด Didier Deschamps จำเป็นต้องช่วย Griezmann ให้กลับมามีฟอร์มที่ดีที่สุดอีกครั้ง
ทางฝั่งโปรตุเกสก็มีปัญหาของตนเองเช่นกัน แม้ว่าพวกเขาจะชนะสโลวีเนียในรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ฟอร์มการเล่นยังไม่มั่นคงเท่าที่ควร พวกเขาควบคุมเกมได้ดีและสร้างโอกาสได้มากมาย แต่สุดท้ายยังต้องพึ่งพา Diogo Costa ในการยิงจุดโทษเพื่อผ่านเข้ารอบ
กองหลังของโปรตุเกสมีความมั่นคงและกองกลางก็แข็งแกร่งด้วยนักเตะอย่าง Joao Palhinha, Vitinha และ Bruno Fernandes แต่กองหน้ายังขาดประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ Cristiano Ronaldo ที่ยังไม่สามารถทำประตูได้จาก 20 ครั้งที่พยายามยิง อาจถึงเวลาที่โค้ช Martinez ต้องพิจารณาเปลี่ยนตัว Ronaldo และให้โอกาส Goncalo Ramos เพื่อเพิ่มความสดใหม่ให้กับกองหน้า
สรุปแล้ว การแข่งขันระหว่างฝรั่งเศสและโปรตุเกสนี้คาดว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดและเข้มข้นมาก ด้วยความนิยมและความสำคัญของทั้งสองทีม ทำให้ Didier Deschamps และ Roberto Martinez ต้องวางแผนกลยุทธ์อย่างรอบคอบเพื่อพาทีมของตนเข้าสู่รอบต่อไป